
ค่ายอารมณ์ดี
Smart EQ Camp
เตรียมพบกับ ค่ายอารมณ์ดี รุ่น 11 เร็ว ๆ นี้
Smart EQ Camp # 11
(ประกาศงดทุกค่ายช่วงปิดเทอมใหญ่ 2563)
ติดต่อสอบถาม 083 903 9956
ตัวอย่าง ค่ายอารมณ์ดี รุ่น 10
วันที่ 27-29 เมษายน 2562
ณ ภูผาผึ้ง รีสอร์ท จ.ราชบุรี
ตัวอย่าง ค่ายอารมณ์ดี รุ่น 9
วันที่ 28-30 เมษายน 2561
ณ โรงแรมสตาร์ไลท์ เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา
ตัวอย่าง ค่ายอารมณ์ดี รุ่น 8
วันที่ 22-24 เมษายน 2560
ณ รอยัลกรีนวัลเลย์ รีสอร์ท จ.นครราชสีมา
โปรแกรมค่ายอารมณ์ดี
Smart EQ Camp
“มีความรู้ท่วมหัว แต่เอาตัวไม่รอด” ยังคงเป็นสัจธรรมเสมอ ถ้ามีบางสิ่งบางอย่างขาดหายไป เรียนเก่ง จำเก่ง คิดเก่ง ก็ยังคงไม่พอ ถ้าโมโหร้าย รอคอยไม่ได้ แพ้ไม่เป็น สุดท้ายก็เอาตัวไม่รอด คำตอบสุดท้ายอาจเป็นอีคิวก็ได้ คนที่อีคิวดีมักประสบความสำเร็จ มีความสุข และเก่งขึ้นอีกด้วย
หลักการและแนวคิด
ค่ายส่งเสริมและพัฒนาวุฒิภาวะทางอารมณ์ (EQ - Emotional Quotient) ให้กับเด็ก โดยวิธีการที่เหมาะสม ถูกต้องตามหลักวิชาการ ช่วยให้เด็กสนุกสนานกับการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง และให้ผู้ปกครองรู้ถึงแนวทางเบื้องต้นในการพัฒนาวุฒิภาวะทางอารมณ์ให้กับเด็ก เพื่อนำไปพัฒนาต่อเนื่อง
วัตถุประสงค์
วัตถุประสงค์หลัก
1. เพื่อส่งเสริมและพัฒนาวุฒิภาวะทางอารมณ์ (EQ) ให้กับเด็ก โดยวิธีการที่เหมาะสม ถูกต้องตามหลักวิชาการ
2. เพื่อให้ผู้ปกครองรู้ถึงแนวทางเบื้องต้นในการพัฒนาวุฒิภาวะทางอารมณ์ (EQ) ให้กับเด็ก เพื่อนำไปพัฒนาต่อเนื่อง
วัตถุประสงค์รอง
3. เพื่อให้เด็กสนุกสนานกับการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง
กลุ่มเป้าหมาย
เด็กและวัยรุ่น ช่วงอายุ 7-15 ปี
ระยะเวลา
3 วัน 2 คืน (ตุลาคม 2563)
สถานที่
-
ค่าลงทะเบียน
7,500 บาท (เจ็ดพันห้าร้อยบาทถ้วน)
รูปแบบกิจกรรม

ตารางกิจกรรม
ตารางกิจกรรม ค่ายอารมณ์ดี รุ่น 11
การเตรียมตัวมาค่าย
รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนัดหมายการเดินทาง การเตรียมตัวไปค่าย เรื่องทั่วๆ ไปเกี่ยวกับความเป็นอยู่ในค่าย และข้อมูลประกอบอื่นๆ ให้กับน้องๆ และผู้ปกครองให้ทราบเกี่ยวกับค่ายฯ ดังนี้ครับ
สิ่งของที่ต้องเตรียมไปค่าย
- เสื้อผ้าเตรียมไปให้พอกับจำนวนวันที่อยู่ค่าย ไม่ต้องส่งซักหรือซักเอง เพราะคงไม่มีเวลาเพียงพอ ยกเว้นการซักเล็กๆ น้อยๆ
- ถุงเท้า รองเท้าผ้าใบ (สำหรับออกกำลังกายตอนเช้า) และชุดกีฬา (หรือใครจะใส่ชุดนอนมาวิ่งก็ไม่ว่ากัน)
- รองเท้าแตะ
- สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ยาสระผม
- ผ้าเปลี่ยนอาบน้ำ/ ผ้าเช็ดตัว
- ยาประจำตัว
- ครีมกันแดด (ถ้าต้องการใช้)
ข้อมูลอื่นๆ
- ในการเข้าฐานแต่ละวัน แต่งกายตามสบาย ส่วนรองเท้าก็เลือกใส่กันตามสะดวกครับ
- ฐานเรียน ที่พัก โรงอาหาร จะอยู่ไม่ไกลกัน สามารถเดินถึงกันได้สะดวก
- ไม่ควรนำของมีค่าติดตัวมา สำหรับกล้องถ่ายรูป หรือโทรศัพท์มือถือ อนุญาตให้นำมาได้ แต่ควรดูแลเก็บรักษาให้ดี ส่วนเงิน นำมาแค่พอค่าใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ ก็พอ เช่น ค่าขนม
- กรณีที่ผู้ปกครองต้องการติดต่อกับน้องๆ (ผู้ที่ไม่มีโทรศัพท์) ระหว่างที่อยู่ค่าย สามารถติดต่อที่โทรศัพท์มือถือเบอร์กลาง 083-903-9956 และเพื่อความสะดวกในการตามตัวและไม่รบกวนน้องๆ
ในเวลาทำกิจกรรม จึงขอกำหนดเวลาโทรฯครับ คือให้ผู้ปกครองโทรฯติดต่อช่วงเวลา 8.00-9.00 น . ,12.00-13.00 น . และ 17.00-19.00 น . ยกเว้นกรณีฉุกเฉิน
หากมีข้อสงสัยอื่นๆ เพิ่มเติม สอบถามรายละเอียดได้ที่ คุณแสงรวี โทร . 083-903-9956
การรับ-ส่งเด็ก
ในวันเดินทาง ผู้ปกครองโปรดนำเด็กมาลงทะเบียนที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา แจ้งวัฒนะ ชั้น 7 Education Zone หน้า Smart D Camp สถาบัน Happy Home (ตามแผนที่) เวลา 9.00 น .

จอดรถที่อาคารจอดรถด้านหลัง ชั้น 3 โซน B แล้วเข้าศูนย์การค้าที่ชั้น 3 โซน B (เนื่องจากชั้นอื่นยังไม่เปิด) เดินตรงเข้ามา จะเจอลิฟท์ทางขวามือ ขึ้นลิฟท์ จากชั้น 3 มาที่ชั้น 7 โซนการศึกษา (Education Zone) ออกจากลิฟท์เลี้ยวซ้าย จะเห็นร้าน HAPPY HOME พอดี
ทางเข้าจากอาคารจอดรถ ชั้น 3 โซน B
ขึ้นลิฟท์ จากชั้น 3
ชั้น 7 Education Zone
ออกจากลิฟท์เลี้ยวซ้ายจะเห็นร้าน HAPPY HOME
บันทึกความทรงจำ

*** สำหรับโรงเรียน หรือหน่วยงานที่สนใจ สามารถขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ ทางทีมงานยินดีเข้าไปนำเสนอข้อมูลต่างๆ ให้ และโปรแกรมต่างๆ สามารถปรับให้เหมาะสม ตรงตามเป้าหมายที่โรงเรียนหรือหน่วยงานต้องการ

เด็กบางคนเก่งทุกเรื่อง บางคนเก่งเฉพาะบางเรื่อง
แต่ไม่มีใครที่ไม่เก่งเลยสักเรื่อง
เด็กที่ไม่เก่งคณิตศาสตร์ อาจจะมีความสามารถในการใช้ภาษาดี
เด็กที่ไม่เก่งด้านภาษา อาจจะมีความสามารถในด้านคณิตศาสตร์ดี
เด็กที่ไม่เก่งทั้งคณิตศาสตร์และภาษา อาจเป็นเลิศทางศิลปะ
เด็กที่ไอคิวปกติ อาจเป็นอัจฉริยะทางกีฬา
เด็กที่ไอคิวต่ำกว่าปกติ อาจเป็นอัจฉริยะทางดนตรี
เด็กที่ไอคิวสูง อาจเก่งหลายเรื่อง แต่ขาดทักษะทางสังคมที่ดี
เด็กที่ไม่เก่งทั้งคณิตศาสตร์ ภาษา ดนตรี กีฬา และศิลปะ
ก็สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข มีเพื่อนฝูงมากมาย ได้เช่นกัน
การค้นหาปัญญาความสามารถ เสริมสร้างโอกาสให้เด็กได้สัมผัสและแสดงออก และส่งเสริมพัฒนาในด้านที่เด็กถนัด จะช่วยให้เด็กสามารถพัฒนาตนเองไปสู่ความเป็นตัวตนที่แท้จริงของเขาในที่สุด
สมาร์ทดีแคมป์ (Smart D Camp) ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการนำเสนอทางเลือกเพื่อการพัฒนาเด็ก โดยจัดเป็นกิจกรรมค่าย และโปรแกรมต่างๆ เพื่อค้นหาแววความสามารถพิเศษ เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นในการค้นหา และพัฒนาตนเองของเด็กต่อไปในอนาคต นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างทักษะสังคม การเรียนรู้ร่วมกันกับเพื่อนๆ และเป็นการใช้เวลาว่างอย่างมีคุณค่าด้วย
จากทฤษฎีสู่การปฏิบัติจริง
จากประสบการณ์สู่ความเชี่ยวชาญ
ด้วยบทพิสูจน์จากผลงานมากกว่า 100 กิจกรรม
ในด้านการจัดค่าย และ โปรแกรม
สำหรับการพัฒนาเด็กและเยาวชนไทย
Smart D Camp จัดทำเป็นโปรแกรมการเรียนรู้ ค่ายช่วงปิดเทอม และค่ายสุดสัปดาห์ เพื่อให้เด็กและวัยรุ่นได้ค้นหา พัฒนาความสามารถที่มีอยู่ สามารถนำมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยนำทฤษฎีพหุปัญญามาประยุกต์เพื่อส่งเสริมสติปัญญาทุกด้าน ทั้ง การใช้เหตุผล ภาษา มิติสัมพันธ์ ดนตรี กีฬาและการเคลื่อนไหว มนุษยสัมพันธ์ การเข้าใจตนเอง และการเข้าใจธรรมชาติ
Smart D Camp รับเป็นออกาไนเซอร์ จัดทำค่ายพัฒนาเด็กและวัยรุ่น ให้โรงเรียน และหน่วยงานต่างๆ โดยทีมงานคุณภาพ มีประสบการณ์ในงานด้านพัฒนาเด็ก ทั้งในเด็กทั่วไป เด็กพิเศษ และเด็กอัจฉริยะ พร้อมทั้งมีทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาเด็กเป็นที่ปรึกษาทางวิชาการ

นพ.ทวีศักดิ์ สิริรัตน์เรขา
จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น
การศึกษา
· แพทยศาสตร์บัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
· วุฒิบัตรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ สาขาจิตเวชศาสตร์เด็กและวัยรุ่น (จุฬาฯ)
ทฤษฎีพหุปัญญา
Multiple Intelligence

ทฤษฎีพหุปัญญา
โปรแกรมอัจฉริยะ

ค่ายค้นหาแววอัจฉริยะ

ค่ายฉลาดคิด

ค่ายอารมณ์ดี

ค่ายเด็ก ดอกไม้ ดวงดาว
Emotional Quotient
อีคิว เก่งดี มีสุข
“มีความรู้ท่วมหัว แต่เอาตัวไม่รอด”
ยังคงเป็นสัจธรรมเสมอ ถ้ามีบางสิ่งบางอย่างขาดหายไป
เรียนเก่ง จำเก่ง คิดเก่ง ก็ยังคงไม่พอ
ถ้าโมโหร้าย รอคอยไม่ได้ แพ้ไม่เป็น สุดท้ายก็เอาตัวไม่รอด
คำตอบสุดท้ายอาจเป็นอีคิวก็ได้
คนที่อีคิวดีมักประสบความสำเร็จ มีความสุข และเก่งขึ้นอีกด้วย
แล้วอีคิวคืออะไรล่ะ
อีคิวดี เก่งดี มีสุข
อีคิว (EQ) มาจากคำเต็มว่า Emotional Quotient เมื่อแปลเป็นไทย มีชื่อเรียกหลายแบบ เช่น ความฉลาดทางอารมณ์ เชาว์อารมณ์ หรือวุฒิภาวะทางอารมณ์ อีคิวได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เนื่องจากไอคิวเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถทำให้บุคคลประสบความสำเร็จ หรือมีความสุขในชีวิตได้
แดเนียล โกลแมน นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด ผู้เขียนหนังสือ “Emotional Intelligence” ได้ให้ความหมายของอีคิวไว้ว่า เป็นความสามารถหลายด้าน ได้แก่ การนำพาตนเองไปสู่เป้าหมาย การควบคุมความขัดแย้งของตนเอง การรอคอยเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น การจัดการกับอารมณ์ ความไม่สบายใจต่างๆ และการมีชีวิตอยู่ด้วยความหวัง เขาได้กล่าวถึงลักษณะของคนที่มีอีคิวสูง ไว้ดังนี้
* การตัดสินใจที่ดี
* ควบคุมอารมณ์ตนเองได้
* มีความอดทน อดกลั้น
* ไม่หุนหันพลันแล่น
* ทนต่อความผิดหวังได้
* ไม่ย่อท้อ หรือยอมแพ้ง่าย
* มีพลังใจที่จะฝ่าฟัน ต่อสู้กับปัญหาในชีวิตได้
* จัดการกับความเครียดได้
* เข้าใจอารมณ์ ความรู้สึกของผู้อื่น
* เข้าใจสถานการณ์ทางสังคม
อีคิวดีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งเรื่องของพื้นอารมณ์ การเลี้ยงดู และสภาพแวดล้อม เด็กที่มีพื้นอารมณ์เป็นเด็กเลี้ยงง่าย ก็เสมือนมีทุนสำรองของชีวิตติดตัวมามาก ทนต่อแรงกระแทกกระเทือนได้มาก ส่วนเด็กที่มีพื้นอารมณ์เป็นเด็กเลี้ยงยาก ปรับตัวยาก ก็เสมือนมีทุนสำรองติดตัวมาน้อย มีความเปราะบางมาก ก็ต้องฝึกฝนมากหน่อย
การเลี้ยงดูที่เหมาะสมจะเป็นปัจจัยส่งเสริม กล่อมเกลา พัฒนาให้เด็กมีอีคิวที่ดีได้ นอกจากนี้สภาพแวดล้อมรอบตัวเด็กก็มีอิทธิพลต่อการพัฒนาอีคิวเช่นเดียวกัน เด็กที่อยู่ท่ามกลางความขัดแย้ง เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ย่อมเป็นการยากที่จะมีการพัฒนาอีคิวที่ดี
หลักสำคัญในการพัฒนาอีคิวคือ การพัฒนาให้รับรู้และเข้าใจอารมณ์ ความรู้สึก ของตนเอง สามารถจัดการกับอารมณ์ได้อย่างเหมาะสม รับรู้และเข้าใจอารมณ์ ความรู้สึก ของผู้อื่น สร้างสัมพันธภาพที่ดีต่อกันไว้ได้
ผู้ที่มีอีคิวดี ย่อมส่งผลดีต่อตนเอง ครอบครัว และผู้คนรอบข้าง สามารถดำเนินชีวิตอย่างเข้าใจ และมีความสุข สามารถมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อบุคคลรอบข้าง นำมาซึ่งความนับถือตนเอง การยอมรับจากผู้อื่น ความร่วมมือ ความสำเร็จในชีวิต และความสงบสุขในจิตใจ
ไอคิวกับอีคิว เป็นคู่แท้ที่เกื้อหนุนซึ่งกันและกันเสมอ ถ้าไอคิวดี จะสามารถเรียนรู้การจัดการกับอารมณ์ได้รวดเร็ว และประยุกต์ใช้ได้ดี ในขณะเดียวกันคนอีคิวดีจะนำความรู้ ความสามารถที่มีมาใช้ได้อย่างเหมาะสม และเป็นประโยชน์
แนวทางการพัฒนาอีคิว ก็คือการเข้าใจว่าเด็กมีพื้นอารมณ์แบบใด แล้วพยายามปรับเปลี่ยนวิธีการเลี้ยงดูให้เหมาะสม ให้การยอมรับ ทำความเข้าใจ และเลี้ยงให้เขาเข้าใจตนเองและเข้าใจผู้อื่น
สร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาอารมณ์ ให้เกิดความรู้สึกมั่นคงปลอดภัย ซึ่งเป็นความต้องการขั้นพื้นฐานของจิตใจ ลดความกลัวและวิตกกังวล หล่อเลี้ยงด้วยความรัก ความเข้าใจ สร้างโอกาสให้เด็กได้เรียนรู้ประสบการณ์แห่งความสำเร็จ และประสบการณ์แห่งความผิดหวัง
สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือ การฝึกฝนทักษะที่จำเป็นต่อการพัฒนาอารมณ์ ภายใต้สิ่งแวดล้อมที่เอื้ออำนวย มีเทคนิควิธีที่เหมาะสม และทำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งประกอบด้วย ทักษะทางความคิด ได้แก่ มีความนับถือตนเอง มีความเข้าใจตนเอง มองโลกในแง่ดี ส่วนทักษะด้านความรู้สึก ได้แก่ การแสดงออกของอารมณ์อย่างเหมาะสม การจัดการความเครียด สุดท้ายคือทักษะด้านการกระทำ ได้แก่ ทักษะการแก้ปัญหา จัดการความขัดแย้ง มีวินัยในตนเอง มีความอดทน และสามารถสร้างสัมพันธภาพที่ดีได้